วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

อบต. สาคู ประชาชน ผู้ประกอบการวอนภาครัฐช่วยแก้ปัญหาน้ำเสีย จัดระเบียบร้านค้าหาดในยาง


นายสุรพงศ์ ปัญญาไวย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสาคู กล่าวว่าการแก้ปัญหาการบุกรุกชายหาดในยาง ขอให้ภาครัฐและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น อบต. อำเภอ และจังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่ดูแลพื้นที่สาธารณะร่วมกัน เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะมิฉะนั้นจะมีการบุกรุกที่ดินสาธารณะเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ ในเดือนหนึ่งมีผู้บุกรุกประมาณ 3-5 ราย อีกทั้งมีการต่อเติมร้านค้า และสร้างห้องน้ำ บนที่ดินสาธารณะ ทำให้เกิดปัญหาน้ำเสีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาชีพต่างๆ อาทิ กลุ่มนวดแผนโบราณ กลุ่มร่มชายหาด โดยขณะมีอยู่ประมาณ 80-100 ราย ไม่มีรายได้เลย และชมรมผู้รักหาดในยาง ประมาณ 100 ราย ได้ทำหนังสือร้องเรียนมายังองค์การบริหารส่วนตำบลสาคูและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการแก้ไข แต่ทางท้องถิ่นก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ปัญหาโดยลำพัง เนื่องจากมีผู้บุกรุกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายสุรพงศ์ กล่าวอีกว่าอย่างไรก็ตามที่ผ่านมาอบต.สาคู ก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุก และทำหนังสือไปยังอำเภอและจังหวัดเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ มีการเสนอรูปแบบไปยังจังหวัดภูเก็ต ในการจัดระเบียบชายหาดในยาง ให้แก่ผู้บุกรุก โดยมีการจัดตั้งร้านค้า เพื่อให้ย้ายจากที่บุกรุกไปอยู่ในสถานที่ที่ดีขึ้น และถูกสุขลักษณะ ไม่มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่หาด แต่ในระหว่างการก่อสร้าง ก็ยังมีผู้ประกอบการบุกรุกที่ดิน เพื่อขยายกิจการของตัวเองอย่างไม่ที่สิ้นสุด จนทำให้การแก้ปัญหาคาราคาซังมีจนถึงวันนี้

นายสุรินทร์ โยธารักษ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าหาดในยาง กล่าวว่าอยากวิงวอนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นเจ้าภาพจัดเวทีชาวบ้านในการแก้ปัญหาบุกรุกชายหาดในยาง โดยให้มีคนกลาง คือผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยเชิญทางอบต.สาคู ผู้ประกอบการ และชาวบ้าน มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาข้อยุติเพื่อให้ทัศนียภาพบริเวณชายหาดไนยางมีความสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้อยากฝากให้มีแก้ปัญหาเรื่องขยะ และน้ำเสีย หากว่ายังปล่อยปละละเลย ทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมเลวร้ายไปมากกว่านี้ ดังนั้นทุกคนทุกฝ่ายจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและร่วมพัฒนาชายหาดในยางไปสู่ทิศทางอย่างยั่งยืน

นางสุวรรณา จำเริญภักดิ์ ประธานชมรมนวดแผนโบราณหาดในยาง กล่าวว่าหลังเปิดกลุ่มนวดแผนโบราณมาเป็นเวลา 7 ปี ก็มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการวันละ 3-4 คนหรือมากว่านั้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดีแก่ชาวบ้าน ส่วนเรื่องปัญหาน้ำเสีย นั้นอยากจะอบต. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการให้เร่งแก้ปัญหา หากปล่อยไว้อีก 10 ปี นักท่องเที่ยวจะไม่เกิดทางมาเที่ยวชายหาดในยาง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อจังหวัดภูเก็ต

Mr.Kel Wallen นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย กล่าวว่าปัญหาน้ำเสีย ทำให้ความรู้สึกในบรรยากาศความสวยงามบริเวณชายหาดในยางหายไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในอนาคต

นายฐานันดร์ นราอาจ นักท่องเที่ยวชาวไทย กล่าวว่าในฐานะที่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวบริเวณชายหาดในยางมาอย่างต่อเนื่องนับ 10 ปี ก็พบว่าธรรมชาติถูกทำลายอย่างหนัก มีการก่อสร้างอาคารอย่างแออัด เหมือนดั่งสลัม มาบดบังทัศนียภาพของชายหาด หากว่ายังเมินเฉยไม่แก้ปัญหา จะทำให้ความสวยงามของชายหาดหมดไป จึงอยากวิงวอนผ่านสื่อถึงผู้มีอำนาจรัฐ ไม่ว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และนายกรัฐมนตรี สั่งการไปยังผู้ที่รับผิดชอบเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและเกิดเป็นรูปธรรม

ข้อมูลจาก...ส.ปชส.ภูเก็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป